MOVIE REVIEW AND STORYLINE: BUMBLEBEE (2018)

Movie Review and Storyline: Bumblebee (2018)

Movie Review and Storyline: Bumblebee (2018)

Blog Article

รีวิวหนัง Bumblebee (2018) บัมเบิ้ลบี


Movie Review and Storyline: Bumblebee (2018)



ข้อมูลหนัง


ประเภทหนัง:  แอคชัน, ผจญภัย และไซ-ไฟ


ผู้กำกับ:  Travis Knight


นักเขียน:  Christina Hodson


นักแสดงนำ:  Hailee Steinfeld, Jorge Lendeborg Jr. และ John Cena





เรื่องย่อ


Bumblebee (2018) บัมเบิ้ลบี เรื่องราวในห้วงเวลาแห่งสงครามบนดาวไซเบอร์ตรอน เหล่าออโต้บอทส์ นำโดยผู้นำผู้กล้าหาญ ออพติมัส ไพรม์ ต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ที่ใกล้จะมาถึงจากกองกำลังของดีเซปติคอนที่นำโดยสตาร์สครีม ซาวด์เวฟ และช็อคเวฟ เมื่อสถานการณ์ไม่อาจพลิกผัน ออพติมัสจึงตัดสินใจสั่งอพยพเหล่าพลพรรคออโต้บอทส์ออกจากดาว เพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์ของตน ขณะที่เขาเลือกที่จะอยู่ต่อสู้เพื่อถ่วงเวลาให้พวกพ้องสามารถหนีรอดได้ หนึ่งในภารกิจสำคัญ ออพติมัสส่ง B-127 หน่วยลาดตระเวนฝีมือดี ลงยานหลบหนีไปยังโลกเพื่อจัดตั้งฐานปฏิบัติการลับสำหรับการต่อสู้ในอนาคต ดูหนังไทย ภาพคมชัด ไม่มีโฆษณาคั่น รับชมหนังฟรี ตลอด 24 ชม.

 

B-127 เดินทางมายังโลกในปี 1987 และลงจอดฉุกเฉินในแคลิฟอร์เนีย ตรงจุดที่การฝึกซ้อมทางทหารของเซกเตอร์ 7 หน่วยงานลับของรัฐบาลที่เฝ้าจับตาดูภัยคุกคามจากต่างดาวอยู่พอดี นำโดยพันเอกแจ็ค เบิร์นส์ เซกเตอร์ 7 เข้าใจผิดว่า B-127 เป็นผู้บุกรุก และเริ่มเปิดฉากโจมตี เพื่อหนีจากการไล่ล่า B-127 สแกนรถจี๊ปวิลลีส์ เอ็มบีเพื่อปลอมตัว ก่อนจะหลบหนีไปยังเหมืองที่อยู่ใกล้เคียง ที่นั่นเขาถูกซุ่มโจมตีโดยบลิทซ์วิง ดีเซปติคอนผู้โหดเหี้ยม แม้จะถูกกดดันให้เปิดเผยที่อยู่ของออพติมัส B-127 ยังคงยืนหยัดปฏิเสธ ทำให้บลิทซ์วิงทำลายกล่องเสียงและแกนความจำของเขา ทว่าในที่สุด B-127 ก็สามารถสังหารศัตรูด้วยขีปนาวุธ ก่อนที่เขาจะสแกนรถโฟล์คสวาเกน บีเทิลสีเหลืองปี 1967 ที่จอดอยู่ใกล้ๆ และล้มลงด้วยความบาดเจ็บสาหัส

 

ในขณะเดียวกัน ชาร์ลี วัตสัน หญิงสาวผู้ยังไม่สามารถทำใจจากการสูญเสียพ่อ และรู้สึกห่างเหินจากครอบครัวที่มีแฟนใหม่ของแม่เข้ามาเกี่ยวข้อง พบรถเต่าที่ถูกทิ้งไว้ในโรงเก็บของเก่าของลุงแฮงค์ และได้รับมันเป็นของขวัญวันเกิดอายุครบ 18 ปี ขณะพยายามซ่อมรถ ชาร์ลีได้กระตุ้นสัญญาณบอกตำแหน่งโดยไม่ตั้งใจ ทำให้ดีเซปติคอนสองตัวคือแชตเตอร์และดรอปคิกสามารถตรวจจับได้ ขณะนั้นทั้งสองกำลังสอบสวนและสังหารคลิฟจัมเปอร์บนดวงจันทร์ของดาวเสาร์ เมื่อทราบถึงตำแหน่งของ B-127 พวกมันจึงมุ่งหน้าสู่โลก แสร้งทำตัวเป็นมิตรต่อมนุษย์ และหลอกล่อเซกเตอร์ 7 ให้ร่วมมือในการจับกุม B-127 แม้ว่าเบิร์นส์จะมีท่าทีสงสัยในตัวพวกมัน

 

เมื่อชาร์ลีค้นพบว่า รถเต่า ของเธอไม่ใช่แค่รถธรรมดา แต่คือ B-127 ที่กลายร่างเป็นหุ่นยนต์ ทั้งสองเริ่มสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ชาร์ลีตั้งชื่อให้เขาว่า บัมเบิลบี และโดยบังเอิญ เธอปลดล็อกข้อความจากออพติมัส ซึ่งสั่งให้บัมเบิลบีปกป้องโลก แม้ว่าบางส่วนของความทรงจำเขาจะเริ่มกลับคืนมา แต่พลังงานที่ปล่อยออกมาระหว่างกระบวนการนั้นดึงดูดความสนใจของเซกเตอร์ 7 และเหล่าดีเซปติคอน ในเหตุการณ์ต่อมา ชาร์ลีและเมโม เพื่อนบ้านของเธอพยายามช่วยบัมเบิลบีจากการถูกจับกุม แต่พวกเขาถูกสกัดกั้น บัมเบิลบีถูกควบคุมตัวและทรมานเพื่อหาข้อมูลสำคัญ ดีเซปติคอนแชตเตอร์และดรอปคิกยังส่งสัญญาณเรียกพันธมิตรเพื่อทำลายโลก แต่พวกเขาก็ไม่อาจต้านทานการตอบโต้จากบัมเบิลบี ที่ชาร์ลีช่วยฟื้นพลังกลับคืนมาได้

 

ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย บัมเบิลบีและชาร์ลีต้องเผชิญหน้ากับแชตเตอร์และดรอปคิกในภารกิจหยุดยั้งการส่งสัญญาณของดีเซปติคอน หลังการต่อสู้อันดุเดือดที่ท่าเรือ ชาร์ลีสามารถปิดการใช้งานสัญญาณได้ ขณะที่บัมเบิลบีสังหารศัตรูได้สำเร็จ ท้ายที่สุด ชาร์ลีและบัมเบิลบีลาจากกันอย่างอบอุ่น เมื่อเธอเข้าใจว่าบัมเบิลบีมีภารกิจสำคัญกว่าในการปกป้องโลก ขณะที่เขาออกเดินทางต่อในร่างรถเชฟโรเลต คามาโร เธอกลับบ้านเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่กับครอบครัว ในตอนจบ บัมเบิลบีกลับมาพบกับออพติมัส ไพรม์ที่หลบหนีมาจากไซเบอร์ตรอนได้สำเร็จ ทั้งคู่ยืนดูยานหลบหนีของออโต้บอทส์ที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกด้วยความหวังว่าการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดจะยังคงดำเนินต่อไป



ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์


Bumblebee (2018) บัมเบิ้ลบี ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจในแฟรนไชส์ทรานส์ฟอร์เมอร์ส โดยเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ไม่ได้กำกับโดยไมเคิล เบย์ ซึ่งทำให้เกิดความหวังใหม่สำหรับทิศทางของเรื่องราวในอนาคต อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความพยายามที่จะสร้างสรรค์บางสิ่งที่สดใหม่และแตกต่าง แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้กลับต้องเผชิญกับข้อจำกัดหลายประการ ทั้งในแง่ของบท การเล่าเรื่อง และการพัฒนาตัวละครที่ทำให้ Bumblebee รู้สึกไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร

 

ภาพยนตร์เปิดเรื่องด้วยฉากสงครามอันยิ่งใหญ่บนไซเบอร์ตรอน บ้านเกิดของเหล่าออโต้บอท ที่ถูกดีเซปติคอนโจมตีอย่างหนัก การแสดงฉากนี้มีความเชื่อมโยงกับภาพยนตร์แอนิเมชันต้นฉบับ Transformers: The Movie และทำให้แฟนๆ ได้เห็นรูปลักษณ์และบรรยากาศที่คุ้นเคย แต่ทันทีที่หนังย้ายไปยังโลก การดำเนินเรื่องก็เปลี่ยนโทนอย่างมาก กลายเป็นการผสมผสานระหว่างภาพยนตร์ไซไฟแอคชั่นและดราม่าวัยรุ่นในยุค 80 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์อย่าง E.T.: The Extra-Terrestrial และผลงานของจอห์น ฮิวจ์ส แต่ปัญหาคือ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังไม่สามารถหาสมดุลที่ลงตัวระหว่างสองแนวนี้ได้

 

Bumblebee มีจุดเด่นที่พยายามสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ โดยการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของชาร์ลี วัตสัน (รับบทโดยเฮลีย์ สไตน์เฟลด์) หญิงสาววัยรุ่นที่กำลังต่อสู้กับความสูญเสียและความสัมพันธ์ในครอบครัว แม้ว่าการสร้างตัวละครของชาร์ลีจะมีมิติที่น่าสนใจ และทำให้ผู้ชมสามารถเชื่อมโยงกับเธอได้ในระดับหนึ่ง แต่ตัวละครรอบข้างกลับถูกพัฒนาอย่างผิวเผิน พ่อเลี้ยงของชาร์ลี (รับบทโดยสตีเฟน ชไนเดอร์) และแม่ของเธอ (รับบทโดยพาเมลา แอดลอน) ถูกนำเสนออย่างเกินจริงในลักษณะของตัวละครสต็อก ซึ่งไม่ได้ช่วยเสริมความลึกซึ้งให้กับเรื่องราว ส่วนตัวละครสมทบอย่างเมโม (รับบทโดยจอร์จ เลนเดบอร์ก จูเนียร์) ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านผู้หลงใหลในชาร์ลี ก็ไม่ได้สร้างผลกระทบที่มีความหมายต่อเนื้อเรื่อง

 

ในแง่ของการเล่าเรื่อง ภาพยนตร์มีปัญหาสำคัญในการเร่งจังหวะฉากสำคัญที่ควรจะมีอารมณ์เข้มข้นและสะเทือนใจ กลับกลายเป็นฉากที่ดูเหมือนรีบเร่งและขาดน้ำหนักทางดราม่า ตัวอย่างเช่น การตายของเพื่อนออโต้บอทของบัมเบิลบีในช่วงต้นเรื่องเกิดขึ้นอย่างฉับพลันจนผู้ชมไม่มีเวลาทำความรู้จักหรือผูกพันกับตัวละครนั้น ขณะที่ฉากการเผชิญหน้าระหว่างบัมเบิลบีกับทหารในช่วงแรก ซึ่งควรจะเต็มไปด้วยความตึงเครียด กลับถูกตัดทอนให้เป็นเพียงแค่จังหวะการระเบิดและการต่อสู้ที่รวบรัดเกินไป แม้ในส่วนของแอคชั่นซึ่งถือเป็นจุดขายสำคัญของแฟรนไชส์นี้ Bumblebee ยังไม่ได้สร้างความประทับใจที่ยั่งยืน การออกแบบฉากต่อสู้ยังคงเน้นที่การทำลายล้างแบบไร้สาระ เช่นเดียวกับภาพยนตร์ทรานส์ฟอร์เมอร์สเรื่องก่อนๆ ขณะที่ความพยายามในการแสดงความรู้สึกระหว่างชาร์ลีกับบัมเบิลบี แม้จะดูมีความตั้งใจดี แต่ยังไม่สามารถดึงอารมณ์ของผู้ชมได้อย่างเต็มที่

 

ปัญหาใหญ่ที่สุดคือบทภาพยนตร์ของคริสตินา ฮอดสัน ซึ่งดูเหมือนจะลอกเลียนหรือได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ไซไฟคลาสสิกหลายเรื่อง แต่กลับขาดความคิดสร้างสรรค์และการขยายแนวคิดที่ชัดเจน ภาพยนตร์พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่อบอุ่นระหว่างชาร์ลีและบัมเบิลบี แต่ความเชื่อมโยงทางอารมณ์ระหว่างตัวละครและผู้ชมยังคงดูไม่สมจริง นอกจากนี้ การนำเสนอเหล่าดีเซปติคอนในฐานะศัตรูยังขาดความซับซ้อน ทำให้พวกเขาดูเหมือนตัวร้ายทั่วไปที่ไร้แรงจูงใจที่น่าเชื่อถือ แม้ว่า Bumblebee จะมีแนวคิดที่น่าสนใจและความตั้งใจในการนำเสนอภาพยนตร์ทรานส์ฟอร์เมอร์สที่เข้าถึงได้ง่ายและอบอุ่นมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับยังคงอยู่ในกรอบเดิมของแฟรนไชส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามจะเป็นภาพยนตร์ไซไฟดราม่าวัยรุ่นที่อบอุ่น แต่ก็ยังไม่อาจหลีกเลี่ยงความเป็นสูตรสำเร็จและการทำลายล้างที่เกินพอดีของแฟรนไชส์ได้อย่างแท้จริง ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังได้ที่ mvhd24.com เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ได้ฟรีที่นี่

 

#Bumblebee  #บัมเบิ้ลบี  #ดูหนังไทย  #mvhd24  #รีวิวหนัง  #MovieReview  #MovieSpoilers


 


กลับด้านบน

Report this page